เห็ดหลินจือ “ราชาแห่งสมุนไพร”

By: | Tags: | Comments: 0 | มกราคม 29th, 2016

เห็ดหลินจือ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ganoderma Lucidum  มีชื่ออังกฤษ คือ Holy Mushroom แปลว่า เห็ดศักดิ์สิทธิ์ หรือ Lacquered  Mushroom ในประเทศจีน  เรียกเห็ดนี้ว่า  Ling Zhi  ซึ่งมีความหมายว่า เห็ดหมื่นปี หรือเห็ดอมตะ ส่วนในญี่ปุ่น  เรียกว่า  Reishi  ในภาษาไทยเราเรียกทับศัพท์ภาษาจีน  คือ Ling Zhi  หรือหลินจือ

เห็ดหลินจือที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมีมากมายกว่า 100 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่นิยมและมีสรรพคุณทางยาที่ดีที่สุดคือ สายพันธุ์สีแดง หรือ เห็ดหลินจือแดง เห็ดหลินจือ จัดเป็นยาจีนที่ใช้กันมายาวนานกว่า 2,000 ปีแล้ว (Chinese Traditional Medicine) ตำรายาและสมุนไพรของจีนโบราณ ถึงกับยกย่องให้เห็ดหลินจือ มีคุณภาพมากยิ่งกว่าโสมด้วยเหตุผลสามประการ คือ

          1.เห็ดหลินจือไม่เป็นพิษ สามารถรับประทานได้ทุกวัน โดยไม่เกิดผลกระทบหรือเกิดโทษที่ไม่มีผลข้างเคียง ใด ๆ ต่อร่างกาย

2.เมื่อรับประทานเห็ดหลินจือสม่ำเสมอ จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ

3.เห็ดหลินจือจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นไปอย่างปกติ ทำให้ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย

ในเภสัชตำรับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง รักษาโรคหัวใจ และช่วยให้นอนหลับ

ญี่ปุ่นก็มีการใช้เห็ดหลินจือเป็นยามาแต่โบราณเช่นกัน เมื่อการแพทย์เจริญก้าวหน้า ญี่ปุ่นได้ทำการศึกษาคุณประโยชน์ของเห็ดชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง และในปี พ.ศ. 2514 ได้มีการปลูกเห็ดชนิดนี้ในประเทศญี่ปุ่นกันอย่างแพร่หลาย และนิยมรับประทานเห็ดหลินจือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพชนิดหนึ่งที่ช่วยบำรุง รักษาและส่งเสริมสุขภาพ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีนักวิชาการหลายประเทศได้ทำการวิจัย เห็ดหลินจืออย่างกว้างขวาง มีเอกสารวิชาการที่เผยแพร่ออกมามากกว่าร้อยฉบับ ทั้งด้านการศึกษาองค์ประกอบทางเคมี สารออกฤทธิ์ สรรพคุณทางยา มีการทดลองในห้องปฏิบัติการและรายงานเชิงสถิติทางการแพทย์ในการรักษาโรคต่าง ๆ มากมาย โดยการศึกษาทางคลินิกพบว่าสารสกัดสำคัญที่อยู่ในเห็ดหลินจือที่เป็นประโยชน์ ต่อร่างกาย ได้แก่

–   สารกลุ่มโพลีแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) ซึ่งมีสรรพคุณ ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันโดยจะกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ชนิดต่าง ๆ ให้ทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น ทำให้สรรพคุณในการป้องกันเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ อาทิเช่น เซลล์มะเร็ง

–   สารกลุ่มไตรเทอร์ปีน (Triterpene) มีรสชาติขม มีสรรพคุณในการช่วยลดความเครียดและยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามีนของ เซลล์ จึงช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ เพิ่มการใช้ออกซิเจนของเซลล์ในร่างกาย และช่วยเพิ่มการเผาผลาญน้ำตาลกลูโคสในร่างกาย ยับยั้งการสร้างคอเลสเตอรอลส่วนเกิน กระตุ้นการทำงานของตับให้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดความดันโลหิต

–   สารกลุ่มนิวคลีโอไทด์ (Nucleotide) เช่น Adenosine ซึ่งมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดและกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ยับยั้งการจับตัวของเกล็ดเลือด

–   สารออแกนิกเยอร์มาเนียม (Organic Germanium) เป็นแร่ธาตุ ที่ร่างกายดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ช่วยในการควบคุมและปรับสมดุลของร่างกาย เพิ่มอัตราการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มการนำออกซิเจน ไปสู่เซลล์

–   กรดอะมิโนมากมายช่วยชะลอความแก่ป้องกันโรคกระดูกพรุน สมานแผลให้หายเร็ว ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด บำรุงสมองให้ความจำดีขึ้น บรรเทาอาการอ่อนเพลีย

–   กรดแกมมาไลโนเลนิก (Gamma Linolenic Acid -GLA) ระงับอาการปวดประจำเดือน ปวดไมเกรน ช่วยบรรเทาอาการผื่นคันที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ ลดอาการปวดข้อ ปวดกระดูก

การรับประทานเห็ดหลินจือ

ขนาดที่ใช้บำรุงร่างกาย คือ เห็ดหลินจือแห้ง 6 กรัมต่อวัน หากเป็นเห็ดหลินจือสกัดเลือกใช้ปริมาณ 0.01-0.5 กรัมต่อวัน

ขนาดที่ใช้รักษาโรคทั่วไป คือ เห็ดหลินจือแห้ง 6-24 กรัมต่อวัน หากเป็นเห็ดหลินจือสกัดเลือกใช้ปริมาณ 0.5-2 กรัมต่อวัน

ควรรับประทานเห็ดหลินจือ ก่อนอาหารอย่างน้อย 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง แต่สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะให้รับประทานเห็ดหลินจือหลัง อาหาร 2 ชั่วโมงแทน และควรรับประทาน วิตามินซีหรืออาหารที่มีวิตามินซีสูงร่วมด้วย ทั้งนี้เพื่อให้วิตามินซีช่วยในการดูดซึมสารโพลีแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) เข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น

เห็ดหลินจือมีจำหน่ายในหลากหลายรูปแบบ ทั้งสมุนไพรตากแห้ง ชาเห็ดหลินจือ เป็นยาเม็ด แคปซูล และผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดอื่น แต่รูปแบบที่ดีที่สุดจะเป็นเห็ดหลินจือสกัด เพราะจะได้ผลในการรักษาที่ดี เนื่องจะมีปริมาณของสารสำคัญ ในปริมาณมาก และในจำนวนน้ำหนักต่อมิลลิกรัมที่แน่นอน ทำให้การใช้แต่ละครั้งจะได้ปริมาณตามที่ต้องการ อีกทั้งยังถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย มีความคงตัวสูง  เก็บไว้ได้นาน ลดโอกาสการปนเปื้อนจากเชื้อราและแบคทีเรียได้

สำหรับการเลือกซื้อควรศึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก เพราะเห็ดหลินจือที่จะมีคุณภาพดีนั้น จะต้องได้รับการเพาะเลี้ยงในสภาวะที่เหมาะสม ทั้งความชื้น แสงสว่าง รวมไปถึงสารอาหารที่ได้รับ นอกจากนี้ผู้บริโภคควรมีหลักการในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่มีการ ผลิตและมีวิธีการสกัดที่ได้มาตรฐาน มีฉลากกำกับและบอกถึงส่วนประกอบและปริมาณของผลิตภัณฑ์ รูปแบบของบรรจุภัณฑ์ที่บรรจุสามารถกันความชื้นได้ดี ผ่านการรับรองและการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งสามารถดูข้อมูล ยาเห็ดหลินจือและสปอร์เห็ดหลินจือที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับอย. ได้ที่  www.fda.moph.go.th