ผู้ป่วยติดเตียง เราควรดูแลสุขภาพช่องปาก ให้อย่างไร ?
ผู้ป่วยติดเตียง เราควรดูแลสุขภาพช่องปาก ให้อย่างไร ?
ผู้ป่วยติดเตียง กับสุขภาพช่องปากเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ แต่มักถูกละเลยทั้งจาก ตัวผู้ป่วยเองและคนใกล้ชิด เนื่องจากความผิดปกติในช่องปากจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย ดังนั้นผู้ป่วยหรือผู้ดูแลควรตระหนักและดูแลสุขภาพช่องปาก ดังนี้
9 เคล็ดไม่ลับ ช่วยดูแลสุขภาพในหน้าฝน
1. นอนหลับให้เพียงพอ มีการศึกษาพบว่าคนที่นอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นหวัดเพิ่มขึ้น 3 เท่า ดังนั้นเราจึงควรนอนหลับอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันตัวเราไม่ให้เป็นหวัด หรือติดเชื้ออื่นๆได้ง่าย
2. ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ การล้างมือบ่อยๆจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของไวรัส
ผ่านไปแล้วกับ Mid Year Special 2019 วันที่ 28-30 มิถุนายน 2562
มหกรรมส่งมอบสุขภาพดี กับสินค้าเพื่อสุขภาพราคาพิเศษ
ที่คัดสรรคจัดเตรียมไว้ให้คุณลูกค้าโดยเฉพาะ
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาร้าน HealthyMax จัดงาน Grand Opening เปิดสาขาใหม่ ไอคอนสยาม ชั้น 5
ได้รวบรวมนวัตกรรมใหม่ที่จะมาเติมเต็มการดูแลสุขภาพ โดยสาขาไอคอนสยาม ได้เตรียมผลิตภัณฑ์กลุ่มยาและเวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เพื่อผู้สูงอายุ ไว้คอยบริการท่าน นอกจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีความปลอดภัยในการใช้แล้ว
ในสังคมปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก โทรทัศน์หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ล้วนมีแสงสีฟ้าที่สามารถทำร้ายดวงตาของเราได้ ดังนั้นเราจะแนะนำวิตามินที่มีส่วนช่วยบำรุงสายตาให้กับทุกคนกันค่ะ
1.Lutein และ Zeaxanthin เป็นสารในกลุ่มแซนโทฟิลล์ (Xanthophyll) ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหาร ทำหน้าที่ปกป้องจอประสาทตา ชะลอการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมและโรคต้อกระจก ซึ่งอาหารที่มีลูทีนและซีแซนทีนสูง เช่น ผักคะน้า ผักปวยเล้ง ผักกาดแก้ว บล็อคโคลี่ ข้าวโพดหวาน ถั่วเขียว กะหล่ำปลี ไข่แดง เป็นต้น ส่วนลูทีนและซีแซนทีนในอาหารเสริมมาจากสารสกัดจากดอกดาวเรือง ในขนาด 6-20 mg แล้วแต่บริษัทผู้ผลิต
2.Bilberry บิลเบอร์รีเป็นสารกลุ่มแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ช่วยทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น และยังมีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีอาจช่วยชะลอการเกิดจอประสาทตาเสื่อมได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาอีกด้วย
3.Beta-Carotene สารเบต้าแคโรทีนจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย ช่วยในการสร้างเม็ดสีจึงทำให้มองเห็นในที่มืดได้ดี พบมากในผัก ผลไม้ที่มีสีส้ม เหลือง เช่น แครอท ฟักทอง มะละกอสุก เป็นต้น รวมถึงผักสีเขียว เช่น ผักบุ้ง ตำลึง ผักคะน้า เป็นต้น
4.Lycopene ไลโคปีนเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งจะอยู่ในผักผลไม้ที่มีสีแดง ส้มและเหลือง เช่น มะเขือเทศ แครอท มะละกอ ฟักข้าว เป็นต้น ช่วยบำรุงและชะลความเสื่อมของดวงตา นอกจากนั้นยังมีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีอีกด้วย